อาชีพที่กำลังจะล้มหายตายจากไปจากโลก ณ ปัจจุบัน ประกอบด้วย
1) พนักงานไปรษณีย์ (คนส่งจดหมาย)
ขณะนี้อุตสาหกรรมไปรษณีย์ที่เคยครองความนิยมมากที่สุดในยุคหนึ่ง เริ่มพบกับความยากลำบากในทันทีที่ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีการสื่อสารอย่างจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) ก้าวเข้ามาและใช้กันอย่างแพร่หลาย
ยิ่งเมื่อประกอบกับความล้ำหน้าของเทคโนโลยีโทรศัพท์และเทคโนโลยีการประมวลผลแบบกลุ่มเมฆ (Cloud Computing) ซึ่งเป็นวิธีการประมวลผลที่อิงกับความต้องการของผู้ใช้ และเป็นการเก็บฐานข้อมูลในแบบออนไลน์ ทำให้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายในทุกที่ทุกเวลา ซึ่งเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันและการทำงานมากขึ้น ทำให้ความนิยมในจดหมายลดลงอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม จุดเปลี่ยนที่ทำให้อาชีพพนักงานไปรษณีย์กำลังหายไปจากโลกของตลาดแรงงานที่แท้จริงนั้นอยู่ที่การเข้ามาของระบบการคัดแยกจดหมายแบบออโตเมติก หรือหุ่นยนต์คัดแยกจดหมาย
สำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐ (บีแอลเอส)คาดการณ์ว่าในปี 2561 อาชีพพนักงานไปรษณีย์มีแนวโน้มลดลง 30% จากจำนวนที่มีอยู่ในขณะนี้ และ 3 ใน 10 อาชีพ ที่มีจำนวนลดลงมากที่สุดในปัจจุบันก็ล้วนเป็นอาชีพที่เกี่ยวข้องกับกิจการบริการไปรษณีย์ โดยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา การไปรษณีย์สหรัฐขาดทุนไปแล้ว 1.16 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 3.59 แสนล้านบาท)
2) พนักงานออฟฟิศ (โดยเฉพาะตำแหน่งคีย์ข้อมูล)
เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าและใช้งานง่าย ส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานเพิ่มขึ้น นับเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ความต้องการพนักงานออฟฟิศลดลง
ทาวเซน แสดงความเห็นว่า ระบบการประมวลตัวอักษร วอยซ์เมลและอินเทอร์เน็ต มีแนวโน้มทำให้ทักษะที่จำเป็นในการทำงานในฐานะเสมียนออฟฟิศ หรือกระทั่งเลขาฯ หมดความจำเป็นไปโดยปริยาย เพราะระบบที่กล่าวไปนั้นจะเข้ามาแทนที่คนทั้งหมด
นอกจากนี้ เมื่อเปรียบเทียบต้นทุนที่นายจ้างต้องจ่ายแล้ว ค่าใช้จ่ายกับระบบอัตโนมัติ มีต้นทุนที่ต่ำกว่าการจ้างคนมาก อีกทั้งไม่เรื่องมาก ไม่มีการมาประท้วงขอขึ้นเงินเดือนให้ปวดหัวอีก
แนวโน้มที่จะเกิดขึ้นนี้ ยืนยันได้จากข้อมูลของบีแอลเอส ที่คาดว่า อาชีพพนักงานคีย์ข้อมูลและพนักงานพิสูจน์อักษรจะลดลงถึง 1.32 หมื่นตำแหน่ง ในปี 2563 ขณะที่เสมียนคีย์ข้อมูลจะลดลง 1.59 หมื่นตำแหน่ง
ทั้งนี้ ไม่เพียงแค่สหรัฐเท่านั้นที่จะประสบภาวะดังกล่าว แต่ทางฝั่งยุโรปก็มีแนวโน้มจะเป็นเช่นเดียวกัน โดยข้อมูลจากศูนย์เพื่อการพัฒนาอาชีพยุโรปสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกับข้อมูลของสำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐ ว่า อาชีพเสมียนในออฟฟิศทั่วภูมิภาคยุโรปจะลดลงมากถึง 1 ล้านตำแหน่ง ในปี 2563
ความต้องการแรงงานที่จบการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพในกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมในประเทศที่พัฒนาแล้ว ได้กลายเป็นอดีตไปเรียบร้อย เนื่องจากหลายบริษัทได้เริ่มหันไปใช้หุ่นยนต์หรือเครื่องจักรในการทำงานแทน เพราะเมื่อเทียบกับคนแล้ว เครื่องจักรประหยัดกว่า ทำงานเร็วกว่า และผิดพลาดน้อยกว่า
ข้อมูลจากประเทศอังกฤษคาดการณ์ไว้ว่า อาชีพพนักงานที่ใช้คนประกอบสินค้าต่างๆ จะหายไปจากตลาดแรงงานถึง 4 แสนตำแหน่ง ก่อนปี 2563 โดยจะทำให้สัดส่วนของอาชีพหนุ่มสาวฉันทนาลดลงจาก 18% มาที่ 16% จากตลาดแรงงานทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม การคาดการณ์ดังกล่าวไม่ได้หมายความว่าลูกจ้างในโรงงานจะตกงานกันทั้งหมด เพราะบรรดาโรงงานอุตสาหกรรมยังคงมีความต้องการ “คน” เข้ามาจัดการและบริหารควบคุมเทคโนโลยีระบบอัตโนมัติอยู่ดี
ดังนั้น จึงเป็นเรื่องที่นักวิเคราะห์คาดหมายกันไว้ว่ากลุ่มแรงงานที่มีทักษะสูง อาทิ ผู้จัดการ หรือบุคคลในตำแหน่งเฉพาะด้าน และผู้ช่วยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน จึงมีความสำคัญอย่างมากในปี 2563
4) นักการตลาดทางโทรศัพท์และพนักงานขายตรง
เมื่อผลการวิจัยจากบริษัทวิจัยด้านการตลาดระบุออกมาชัดเจนแล้วว่า การตลาดทางโทรศัพท์ หรือการเคาะประตูหน้าบ้านเข้าถึงตัวผู้บริโภคโดยตรง เป็นวิธีที่ไม่มีประสิทธิภาพ ขณะที่การทำการตลาดทางอินเทอร์เน็ตและทางโทรทัศน์ดูจะได้ผลดีมากกว่า
ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่การจ้างพนักงานเพื่อเข้ามาทำหน้าที่เป็นนักการตลาดทางโทรศัพท์และเซลส์แมน จึงไม่เป็นที่ต้องการจากนายจ้างและตลาดแรงงานอีกต่อไป
พร้อมกันนี้ ข้อมูลของ บีแอลเอส ยังออกมายืนยันและคาดการณ์เพิ่มเติมอีกว่า ในปี 2561 อาชีพในตำแหน่งทั้งสองข้างต้นจะลดลงมากถึง 15% และ 11% ตามลำดับ
สำหรับอาชีพที่มีแนวโน้มเป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้น รายงานจาก อลัน ทาวเซน ระบุไว้ดังต่อไปนี้
1) นักวิทยาศาสตร์ด้านข้อมูล
ความล้ำหน้าของเทคโนโลยีที่มีมากขึ้น ส่งผลให้ความต้องการเก็บ ถ่ายโอน แบ่งปันข้อมูล ตลอดไปจนถึงการรักษาฐานข้อมูล รวมถึงการจัดการกับข้อมูลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานเพิ่มมากขึ้น
ด้วยเหตุนี้ อาชีพนักจัดการและบริหารข้อมูลสารสนเทศจึงเป็นที่ต้องการมากขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต เนื่องจากข้อมูลหลากหลายรูปแบบไม่ได้มีเพียงแค่การจัดการและการบริหารให้อยู่เป็นระบบเพื่อง่ายต่อการหยิบใช้งานเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการที่ต้องวิเคราะห์ รวบรวม และเก็บรักษาข้อมูลนั้นๆ อีกด้วย
ข้อมูลจากไอบีเอ็ม เปิดเผยว่า ในทุกวันนี้ทางบริษัทต้องผลิตหน่วยข้อมูล 2.5 ควินติเลียนต่อวัน ซึ่งเป็นจำนวนมหาศาลพอที่จะระบุได้ว่าเป็นจำนวนของข้อมูลทั่วโลกกว่า 90% ที่ผลิตขึ้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน ก็กลายเป็นเครื่องชี้วัดว่าความต้องการแรงงานในลักษณะดังกล่าวมีมากเพียงไรในอนาคต เนื่องจากข้อมูลนั้นมาจากทั่วทุกแห่งทั่วโลก อาทิ ทำการรวบรวมข้อมูลจากสภาพอากาศ การติดตามข้อมูลการโพสต์ข้อความในสังคมออนไลน์ ภาพถ่าย และวิดีโอ บันทึกการใช้จ่ายเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ สัญญาณคลื่นจีพีเอสของโทรศัพท์มือถือ
2) วิศวกรด้านไอที
ความต้องการใช้ระบบอัตโนมัติที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยมีเหตุจากความต้องการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตให้มากขึ้นในวงการอุตสาหกรรมธุรกิจในยุคโลกาภิวัตน์ ส่งผลให้นักออกแบบเครื่องจักรกลและการวางระบบอัตโนมัติต่างๆ เป็นที่ต้องการมากขึ้นอย่างรวดเร็ว
ความสำคัญของอาชีพดังกล่าว เห็นได้จากในอังกฤษที่การเติบโตทางอุตสาหกรรมขยายตัว 2.5% ต่อปีโดยมีการเปิดเผยออกมาแล้วว่าเป็นผลมาจากการผลักดันของการทุ่มเทในงานวิจัยและพัฒนา โดยเฉพาะในตำแหน่งวิศวกร
3) ผู้เชี่ยวชาญด้านโปรแกรมคอมพิวเตอร์และผู้วางระบบสื่อสาร
ต้องยอมรับว่า หนึ่งในหลายๆ สิ่งที่เหล่าผู้จับจ้องความเคลื่อนไหวในวงการอุตสาหกรรมเข้าใจผิดกันมาตลอด คือการคิดว่าการเข้ามาของเทคโนโลยีที่ล้ำหน้า จะทำให้คนตกงานมากขึ้น
เพราะแท้ที่จริงแล้ว เทคโนโลยีเหล่านี้แค่เข้ามาเปลี่ยนบทบาทธรรมชาติของการทำงานเท่านั้น โดยเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ตลอดจนคอมพิวเตอร์ที่มีบทบาทสำคัญต่อการทำงานมากขึ้น ทำให้อุปกรณ์และเทคโนโลยีเหล่านี้เป็นเสมือนปัจจัยที่ 5 ที่จำเป็นต่อชีวิตการทำงาน
ดังนั้น เมื่อความต้องการเทคโนโลยีเหล่านี้เพิ่มมากขึ้น คนที่ทำงานในวงการไอทีจึงมีอนาคตที่สดใสมากในอนาคต เพราะเป็นกลุ่มคนที่เข้าใจเทคโนโลยีเหล่านี้อย่างลึกซึ้ง
4) ผู้ช่วยแพทย์และพยาบาล
ปัจจุบันการบริหารจัดการด้านการให้บริการทางสาธารณสุขได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก โดยเฉพาะในสหรัฐและยุโรป ที่หันมามุ่งเน้นการรักษาแบบบูรณาการและเน้นไปที่การป้องกันเป็นหลัก ทำให้บทบาทของแพทย์ที่ทำการรักษาน้อยลง แต่จะทำให้ตำแหน่งงานในการบริหารจัดการในระดับกลางที่คอยช่วยเหลือและติดต่อบริหารงานกับแพทย์มีความสำคัญมากขึ้น
กระทรวงแรงงานสหรัฐ ได้ประเมินว่า ตำแหน่งผู้ช่วยแพทย์จะขยายตัวขึ้น 162,900 ตำแหน่ง ก่อนปี 2563 ขณะที่ในยุโรปการขยายตัวของตำแหน่งงานผู้ช่วยแพทย์จะเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะตามโรงพยาบาลชุมชุนและคลินิก
ทั้งนี้ อลัน ทาวเซน สรุปว่า ตลาดแรงงานที่เปลี่ยนแปลงไปเปรียบเสมือนวิวัฒนาการการเปลี่ยนแปลงของสิ่งมีชีวิตที่ ชาลส์ ดาร์วิน เคยตั้งทฤษฎีไว้ว่าผู้อยู่รอดคือสิ่งที่ผ่านการคัดสรรมาจากธรรมชาติแล้ว
ฉะนั้น หากสามารถทำความเข้าใจถึงความเปลี่ยนแปลงใหญ่ๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก ตลาดแรงงาน ไปจนถึงชีวิตประจำวันได้ บุคคลนั้นย่อมสามารถล่วงรู้และเข้าใจถึงรูปแบบ ทักษะ และอาชีพที่จะเปลี่ยนแปลงไปพร้อมกับผลที่จะเกิดมาของความเปลี่ยนแปลงในระดับโลกได้